ผ้าป่าขอฝนที่โนนแท่นพระ 22ส.ค.55

[นิรทุกข์]

พระอาจารย์แจ้งข่าวและส่งภาพมาให้ชมกันครับ

"สืบเนื่องจากปีนี้เมืองพลแห้งแล้ง ฝนไม่ตก ทิ้งช่วงมานาน ต้นข้าวที่ปลูกไว้ก็เหลืองใกล้จะตาย ชาวนามีแต่ความทุกข์ ปลัดอบต.อุไร ได้ไปอธิษฐานขอฝนที่ทุ่งพึงพืด ฝนก็ไม่ตก เวลามีเมฆฝนมาที่เมืองพล ก็จะมีลมพัดไป ฝนก็ไม่ตก มีวันหนึ่งปลัดอุไร ได้มานั่งสมาธิที่วัด ได้นิมิตเห็นเจ้าพ่อสิงขรที่ศาลโนนแท่นพระ ท่านบอกว่า ท่านจะไม่ให้ฝนตก ท่านจะสอนชาวบ้านให้รู้สำนึก ให้รู้จักทำบุญให้ถูกวิธีและรักษาศีลเจริญภาวนา ปลัดอุไรจึงมาปรึกษาว่า จะพาชาวบ้านทำผ้าป่าอุทิศบุญกุศลให้เจ้าพ่อและเทวดาทั้งหลาย เพื่อขอให้ฝนตก ขอนิมนต์พระที่วัดทั้งหมดไปเจริญพระพุทธมนต์ขอฝน และสรงน้ำพระพุทธรูปพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ขออานุภาพพระพุทธเจ้าองค์ปฐมให้ฝนตก ซึ่งเคยมีมาในสมัยพุทธกาลที่ชาวเมืองได้ขอบารมีพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ช่วยให้ฝนตก"

[นิรทุกข์]

พระอาจารย์แจ้งข่าวและส่งภาพมาให้ชมกันครับ

" รูปถ่ายเมฆฝนและฝนตกวันที่22ส.ค.55ช่วงเย็น
-ตั้งแต่เช้าวันที่22ส.ค.55 อากาศแจ่มใส ไม่มีเมฆ พอไปเจริญพระพุทธมนต์ขอฝนที่โนนแท่นพระ เมฆเริ่มก่อตัวทีละน้อย หลังจากกลับมาที่วัดเวลา17.30น.เมฆเริ่มใหญ่ขึ้น และมีฝนตกที่หมู่บ้านในตำบลเพ็กใหญ่ และหมู่บ้านหญ้าคา(หมู่บ้านของช่างก่อสร้างที่วัดที่ไปร่วมพิธี) หมู่บ้านนี้ไม่ได้อยู่ที่ตำบลเพ็กใหญ่ อยู่ทิศตรงกันข้ามกับตำบลเพ็กใหญ่ ซึ่งแปลกมากเมฆจะแบ่งเป็น2ก้อนใหญ่ ไปตกใน2พื้นที่ เมื่อฝนตกแล้วเมฆก็เคลื่อนตัวมาตกที่วัด

-วันนี้(23ส.ค.55) ฝนก็ตกใหญ่ที่ในเมืองพลอีก(ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู) ปลัดอุไรมาเล่าให้ฟัง บางคนก็เขียนลงเฟซบุ๊กว่า อบต.หมดท่า ไม่มีปัญญาจะทำหรือ จึงมาทำผ้าป่าขอฝน เขาไม่เชื่อ พอฝนตกลงมาครั้งนี้ เสียงที่ตำหนิก็เลยระงับไป พอเห็นฝนตกชาวบ้านบางคนก็บอกว่า น่าจะพาทำตั้งนานแล้ว ชาวบ้านต่างดีใจยิ้มแย้มขึ้น เพราะฝนเป็นความหวังของเขา ถ้าไม่มีฝน ต้นข้าวก็จะตาย ข้าวปลาก็จะฝืดเคือง จะซื้อข้าวกินก็จะลำบาก ชาวนาส่วนใหญ่เริ่มสูงอายุ การปลูกข้าวเป็นวิถีชีวิตของเขา เขาปลูกก็เพื่อกิน ถ้าพอเหลือก็ขาย ไม่ใช่ปลูกเพื่อขายเป็นหลัก พระเรามีอะไรพอจะช่วยชาวบ้านได้ ก็ช่วยไป อย่างน้อยก็ได้ให้ชาวบ้านได้ทำบุญ เป็นขวัญกำลังใจแก่เขา เราชาวพุทธต้องเชื่อบุญกุศล พุทธานุภาพนั้นมีอยู่จริง พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วก็จริง แต่อานุภาพพระองค์ยังอยู่ นิพพานไม่สูญ สูญแต่กิเลสโลภโกรธหลง ให้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ที่พึ่งที่ระลึก อย่าประมาท."

[นิรทุกข์]

พระอาจารย์เล่าเหตุการณ์ที่เกิดหลังจากทำผ้าป่าเพิ่มเติมครับ

ขอฝนที่โนนแท่นพระ ๒๒ส.ค.๕๕

-สืบเนื่องจากปีนี้เมืองพลแห้งแล้ง ฝนไม่ตก ทิ้งช่วงมานาน เวลามีเมฆฝนมา ก็จะมีลมแรงมากมาพัดเมฆไป ซึ่งปกติถ้าเมฆขนาดนี้ฝนจะตกหนัก เป็นอย่างนี้หลายครั้งจนต้นข้าวที่ปลูกไว้ก็เหลืองใกล้จะตาย ชาวนามีแต่ความทุกข์ ปลัดอบต.อุไร ได้ไปอธิษฐานขอฝนที่ทุ่งพึงพืด ฝนก็ไม่ตก เวลามีเมฆฝนมาที่เมืองพล ก็จะมีลมพัดไป ฝนก็ไม่ตก มีวันหนึ่งปลัดอุไร ได้มานั่งสมาธิที่วัด ได้นิมิตเห็นเจ้าพ่อสิงขรที่ศาลโนนแท่นพระ ท่านบอกว่า ท่านจะไม่ให้ฝนตก ท่านจะสอนชาวบ้านให้รู้สำนึก ให้รู้จักทำบุญให้ถูกวิธีและรักษาศีลเจริญภาวนา ปลัดอุไรจึงมาปรึกษาว่า จะพาชาวบ้านทำผ้าป่าอุทิศบุญกุศลให้เจ้าพ่อและเทวดาทั้งหลาย เพื่อขอให้ฝนตก ขอนิมนต์พระที่วัดทั้งหมด(๙รูป)ไปเจริญพระพุทธมนต์ขอฝน ฉันเพล รับผ้าป่า และสรงน้ำพระพุทธรูปพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ขออานุภาพพระพุทธเจ้าองค์ปฐมให้ฝนตก ซึ่งเคยมีมาในสมัยพุทธกาลที่ชาวเมืองได้ขอบารมีพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ช่วยให้ฝนตก

-ตั้งแต่เช้าวันที่๒๒ส.ค.๕๕ อากาศแจ่มใส ไม่มีเมฆ พอไปเจริญพระพุทธมนต์ขอฝนที่โนนแท่นพระ เมฆเริ่มก่อตัวทีละน้อย หลังจากกลับมาที่วัดเวลา๑๗.๓๐น.เมฆเริ่มใหญ่ขึ้น และมีฝนตกที่หมู่บ้านในตำบลเพ็กใหญ่ และหมู่บ้านหญ้าคา(หมู่บ้านของช่างก่อสร้างที่วัดที่ไปร่วมพิธี) หมู่บ้านนี้ไม่ได้อยู่ที่ตำบลเพ็กใหญ่ อยู่ทิศตรงกันข้ามกับตำบลเพ็กใหญ่ ซึ่งแปลกมากเมฆจะแบ่งเป็น๒ก้อนใหญ่ ไปตกใน๒พื้นที่ เมื่อฝนตกแล้วเมฆก็เคลื่อนตัวมาตกที่วัด

-วันนี้(๒๓ส.ค.๕๕) ฝนก็ตกใหญ่ที่ในเมืองพลอีก(ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู) ปลัดอุไรมาเล่าให้ฟัง บางคนก็เขียนลงเฟซรบุ๊กว่า อบต.หมดท่า ไม่มีปัญญาจะทำหรือ จึงมาทำผ้าป่าขอฝน เขาไม่เชื่อ พอฝนตกลงมาครั้งนี้ เสียงที่ตำหนิก็เลยระงับไป พอเห็นฝนตกชาวบ้านบางคนก็บอกว่า น่าจะพาทำตั้งนานแล้ว ชาวบ้านต่างดีใจยิ้มแย้มขึ้น เพราะฝนเป็นความหวังของเขา ถ้าไม่มีฝน ต้นข้าวก็จะตาย ข้าวปลาก็จะฝืดเคือง จะซื้อข้าวกินก็จะลำบาก ชาวนาส่วนใหญ่เริ่มสูงอายุ การปลูกข้าวเป็นวิถีชีวิตของเขา เขาปลูกก็เพื่อกิน ถ้าพอเหลือก็ขาย ไม่ใช่ปลูกเพื่อขายเป็นหลัก พระเรามีอะไรพอจะช่วยชาวบ้านได้ ก็ช่วยไป อย่างน้อยก็ได้ให้ชาวบ้านได้ทำบุญ เป็นขวัญกำลังใจแก่เขา เราชาวพุทธต้องเชื่อบุญกุศล พุทธานุภาพนั้นมีอยู่จริง พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วก็จริง แต่อานุภาพพระองค์ยังอยู่ นิพพานไม่สูญ สูญแต่กิเลสโลภโกรธหลง ให้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ที่พึ่งที่ระลึก อย่าประมาท.

-ฝนตกถึง ๗ วันติดต่อกันทุกวัน ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มี และเป็นเรื่องที่ประหลาด ป.อุไรและชาวบ้านที่ไปทำบุญมาเล่าให้ฟัง ผู้ที่ไปทำบุญและนำน้ำสรงพระพุทธรูปพระพุทธเจ้าองค์ปฐมไปรดนา ฝนตกหมด หมู่บ้านไหนไม่ไปทำบุญหรือไปน้อย จะไม่ค่อยได้ฝนตก แม้แต่นาใกล้กันแค่ถนนกั้น ฝนก็ไม่ตก มีคนงานคนหนึ่งมาเล่าให้ฟัง เขามีนาอยู่ ๒ ที่ ที่บ้านหญ้าคาเขาเอาน้ำไปรดนาฝนตกดี ส่วนอีกที่(คนละตำบล)ไม่ได้เอาน้ำไปรดนาฝนไม่ตกเลย

-หลังจากนั้นช่วงเดือนกันยายน ฝนก็ตกมาเรื่อยๆ เป็นช่วงๆ แต่ไม่แรง พอแค่ไม่ให้ต้นข้าวตาย ป.อุไร ยังต้องการน้ำอีก จึงบอกว่าให้รอให้ข้าวได้โตกว่านี้ ถ้ามีฝนอีกลูกใหญ่ๆ ได้จังหวะก็จะเลี้ยงต้นข้าวจนถึงช่วงเกี่ยว

-พอประมาณคืนวันที่ ๒ และ ๓ ตุลาคม ฝนตกทั้งคืนและตกหนักมากในคืนวันที่ ๓ ทำให้น้ำตำบลเพ็กใหญ่ น้ำเต็มคูคันนาหมด ป.อุไรมาเล่าให้ฟังว่าเชื่อพระอาจารย์แล้ว ที่บอกว่าแค่ฝนตกคืนเดียวก็สามารถทำให้น้ำท่วมได้ เพราะบ้านป.อุไรฝนตกหนัก น้ำระบายไม่ทันน้ำท่วมชั้นล่าง แกยังบอกว่าคราวนี้น้ำได้มาก พอสำหรับต้นข้าวโตจนจะได้เก็บเกี่ยวแน่นอน และยังบอกอีกว่า นึกว่าพื้นที่ตนเองจะแล้ง กลับดีกว่าตำบลอื่นๆในอำเภอพล ซึ่งบางตำบลต้องประกาศภัยแล้ง ฝนตกครั้งนี้ขอนแก่นไม่อยู่ในประกาศของการพยากรณ์อากาศว่าจะมีฝนตกที่ขอนแก่น และพายุเกมีก็กำลังจะขึ้นเวียดนาม ยังไม่เข้าไทย ไม่น่าจะมีผลต่อฝนตกครั้งนี้ ส่วนช่างก่อสร้างที่วัดนั้นบอกข้าวบ้านหญ้าคาเป็นหนึ่งของอำเภอ เพราะได้ฝนตั้งแต่ช่วงขอแล้ว

-ปลายเดือนตุลาคมนี้ แม่ชีไปทำธุระที่ธนาคาร ธกส. ได้ยินชาวบ้านที่ไปยื่นเรื่องเงินภัยแล้งวิจารณ์กัน ทำไมฝนตกไม่ทั่วกัน ฝนตกครั้งนี้ประหลาดมาก เลือกตกได้ เลือกตกให้เฉพาะผู้ที่ทำบุญ และบอกได้ขอได้ไม่ดื้อ ไม่เหมือนมนุษย์นี่ดื้อบอกยาก มันน่าคิดนะ.