อาชีพเพื่อการบันเทิง - ตาลปุตตสูตร

เพื่อสนทนาธรรม และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อความเป็นกัลยาณมิตร กัลยาณธรรมที่ดีต่อกัน

อาชีพเพื่อการบันเทิง - ตาลปุตตสูตร

Postโดย นิรทุกข์ » Sat Mar 13, 2010 7:49 pm

เผอิญได้ไปพบมาเห็นว่าน่าสนใจ กึ่งๆประหลาดใจด้วยเพราะไม่นึกว่าอาชีพที่ดูแล้วน่าจะโอเคในทางโลก จะมีผลเป็นอกุศลได้

อาชีพที่กระตุ้นกำหนัดผู้อื่น เป็นบาปตกนรก

หลักฐานอ้างอิงจากพระไตรปิฏก
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ตาลปุตตสูตร

[๕๘๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน
ใกล้พระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล พ่อบ้านนักเต้นรำนามว่าตาลบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระ ภาคถึงที่ประทับ
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ข้าพระองค์เคยได้ยินคำของนักเต้นรำ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ
กล่าวว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ
ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่ง เทวดาผู้ร่าเริง
ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างไรพระผู้มีพระภาคตรั สว่า อย่าเลยนายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด
ท่านอย่าถามข้อนี้กะเราเลย ฯ

[๕๙๐] แม้ครั้งที่ ๒ ... แม้ครั้งที่ ๓ พ่อบ้านนักเต้นรำนามว่าตาลบุตร ก็ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญข้าพระองค์เคยได้ยินคำของ นักเต้นรำ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ กล่าวว่า
นักเต้นรำคนใดทำให้คน หัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง
ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่าม กลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของ เทวดาผู้ร่าเริง ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างไร ฯ

[๕๙๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนายคามณี เราห้ามท่านไม่ได้แล้ว ว่า อย่าเลยนายคามณี
ขอพักข้อนี้เสียเถิด ท่านอย่าถามข้อนี้กะเราเลย
แต่เราจักพยากรณ์ให้ท่าน ดูกรนายคามณี เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากราคะ
อันกิเลสเครื่องผูกคือราคะผูกไว้นักเต้นรำรวบรวมเข้า ไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น
เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโทสะ อันกิเลสเครื่องผูก คือโทสะผูกไว้
นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ
ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น เมื่อก่อน สัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโมหะ
อันกิเลสเครื่องผูกคือโมหะผูกไว้นักเต้นรำ ย่อมรวบรวมไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโมหะ
ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น
นักเต้นรำนั้น ตนเองก็มัวเมาประมาท ตั้งอยู่ในความประมาท เมื่อแตกกายตายไป
ย่อมบังเกิดในนรกชื่อปหาสะ
อนึ่ง ถ้าเขามีความเห็นอย่างนี้ว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง
ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชื่อปหาสะ ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นผิด
ดูกรนายคามณี ก็เราย่อมกล่าวคติสองอย่าง คือ
นรกหรือกำเนิดสัตว์เดียรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่งของบุคคลผู้มีความเห็นผิด ฯ

[๕๙๒] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว พ่อบ้านนักเต้นรำนามว่า ตาลบุตรร้องไห้สะอื้น น้ำตาไหล
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนายคามณีเราได้ ห้ามท่านแล้วมิใช่หรือว่า
อย่าเลย นายคามณีขอพักข้อนี้เสียเถิด อย่าถามข้อนี้ กะเราเลย ฯ
คามณี. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่ได้ร้องไห้ถึงข้อที่พระผู้มีพระภาคตรัส อย่างนี้กะข้าพระองค์หรอก
แต่ว่าข้าพระองค์ถูกนักเต้นรำผู้เป็นอาจารย์ และปาจารย์ก่อนๆ ล่อลวงให้หลงสิ้นกาลนานว่า
นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง
ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาชื่อปหาสะ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนักพระผู้มีพระภา คทรงประกาศ ธรรมโดยอเนกปริยาย
ดุจหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืดด้วยหวังว่า
คนมีจักษุจักเห็นรูป ฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระผู้มีพระภาคกับทั้งพระธรรมและภ ิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ
ข้าพระองค์พึงได้บรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระ ภาคนายนฏคามณีนามว่าตาลบุตรได้บรรพชา
ได้อุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาคแล้ว ท่านพระตาลบุตรอุปสมบทไม่นาน หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว
ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจแน่วแน่ ฯลฯ ก็แลท่านพระตาลบุตรเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง
ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลายฯ เพราะอำนาจอวิชชานั้นหยั่งรากลึก จึงทำให้มนุษย์ยากจะขุดรากถอนโคนนั้น
แม้จะพยายามหลีกเลี่ยงการกระทำผิดบาปให้ทาน รักษาศีล และ ทำภาวนา ครบถ้วน
แต่เชื้อของกิเลสนั้นยากที่จะตัดหมดไปได้หากผู้ใดกระ ทำการกระตุ้นกำหนัด
คือกระตุ้นกองกิเลส ให้แก่ผู้อื่น โดยทำเป็นอาชีพ มีนรกขุมหนึ่งชื่อว่า ปหาสะ ไว้รองรับบุคคลผู้นั้น

* ปหาสะ คือ นรกขุมหนึ่งในอเวจี

ที่มา http://guru.sanook.com
นิรทุกข์
 
จำนวนผู้ตอบ: 558
สมัครสมาชิก: Sat Mar 13, 2010 7:46 pm

กลับไปหน้า ธรรมเพื่อชีวิต

ผู้ที่กำลัง online

ผู้ที่กำลังอ่าน forum นี้: สมาชิก ไม่มีสมาชิก และ ผู้เยี่ยมชม 1 คน

cron