หน้า 1 จาก 1

จดหมายนายช่างแสวงเขียนถึงแม่ของผม

PostPosted: Mon May 23, 2011 4:04 pm
โดย ผู้เขียน
นายช่างแสวง เป็นคนเมืองพล ขอนแก่น เป็นนายช่างใหญ่ที่มาช่วยคุมงานก่อสร้างที่สำนักปฏิบัติธรรมป่าวิเวกสิกขารามตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน นายช่างแสวง ให้ความนับถือแม่ของผมมาก และเขียนจดหมายถึงแม่ของผมมาแล้วครั้งหนึ่ง ส่วนข้างล่างนี้ เป็นจดหมายฉบับที่สอง ที่นายช่างแสวงเขียนถึงแม่ของผมในช่วงวันวิสาขบูชา (17 พฤษภาคม 2554) ที่ผ่านมา ผมอยากให้ทุกท่านได้อ่านด้วยครับ (จดหมายนี้ ถอดจากลายมือของช่างแสวงที่อ่านยาก ผมถอดแบบคำต่อคำ ไม่ได้ต่อเติมเสริมแต่งหรือขัดเกลาข้อความใดๆครับ)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ถ้ากระผมบรรยายในจดหมายฉบับนี้ ทำผิดพลาดอย่างไรก็ต่อเติมให้กระผมด้วยครับ (เขียนไม่เก่ง อ่านไม่เก่ง)

กราบเรียนมายังคุณพ่อคุณแม่ที่เคารพรักและนับถือเป็นอย่างสูง

เป็นอย่างไรครับทางบ้านคงจะสบายดีกันนะครับ กระผมนายแสวงคนที่สร้างวัด อ.พล ขอนแก่นนั้นล่ะครับ กระผมจะบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นในวัดของท่านอาจารย์วิชัย สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในวัด มีโคตัวหนึ่งหนีตายเข้ามาในวัดจากโรงฆ่าสัตว์ แต่มีคนใจบุญซื้อถวายวัด โคตัวนี้มันเป็นสัตว์แสนรู้ที่หนีตายมา น้ำตาของเขาไหลออกมาอยู่ตั้งสองสามวัน ดีแล้วมีคนใจบุญคือแม่ชีรุ่งเป็นคนที่เมตตาต่อสัตว์ผู้ให้ความสงสารและปลอบใจว่าไม่ตายแล้ว ไม่ต้องคิดมาก กินหญ้าเถิดมีคนซื้อชีวิตให้แล้ว ทำตัวให้สบายอย่าร้องไห้เลย คนอื่นๆเข้าใกล้ไม่ได้เลย มีแต่แม่ชีรุ่งคนเดียวเข้าใกล้เขาได้ ต่อมาหลายวันเข้า มันก็ดีขึ้นดีขึ้นมา เขาตั้งใจกินหญ้า เขาก็ดีมีประโยชน์ให้วัด ถ่ายมูลออกก็เอาใส่ต้นไม้และตัดหญ้า(กินหญ้า)ช่วยอาจารย์ (ขอจบเรื่องโคตัวนี้ไว้ก่อน มันมีสิ่งประหลาดอย่างกระผมจะเขียนบอกตามหลัง)

อยู่ต่อในวันหนึ่งมีญาติโยมมาจากทางโคราชมาคารวะท่านอาจารย์และเป็นทางผ่านที่เขาจะกลับบ้านเกิดของเขาพอดี ก่อนที่เขาจะถึงบ้านนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งโทรไปบอกว่า ถ้าจะกลับมาบ้าน รบกวนช่วยซื้อไก่ชนมาให้ด้วย เขาบอกว่าไก่ชนจังหวัดนี้เก่ง ด้วยความรักเพื่อน เขาจึงซื้อมาราคาตั้งหลายเงินซื้อมาหนึ่งตัว แล้วแวะเข้ามากราบท่านอาจารย์โดยเอาไก่ไว้ข้างหลังรถส่วนตัวเขา พอถึงวัด เขาเผลอเปิดกระโปรงรถเอาของ ไก่มันกระโดดออกมา ไก่ตัวนี้มันรู้ได้อย่างไรว่าที่นี่คือที่ที่น่าอยู่ ขออยู่ที่วัดนี้เถอะ อย่างไรก็ไม่ยอมให้จับขึ้นรถ ไม่ยอมให้เขาใช้ เป็นตายอย่างไรขออยู่ที่วัด เจ้าของใจอ่อน วิ่งจับเหนื่อยก็จับไม่ได้เข้าก็เลยอ่อนใจ เลยพูดกับท่านอาจารย์ว่า ท่านอาจารย์ครับ ไก่ตัวนี้ผมขอถวายวัดเถอะ ไก่มันคงรู้ตัวว่า ถ้าเอาไปชนกันถ้าชนะก็ดีใจ ถ้าแพ้ก็ต้องถูกต้ม โยมคนนั้นก็เลยเรียนท่านอาจารย์ว่า จะกลับไปบอกเพื่อนว่าให้เลิกชนไก่เสีย มันจะเป็นบาป เอาชีวิตสัตว์มาทำให้ตัวเองมีความสุขแต่ว่าอยู่ในความทุกข์ของเขา ต่อมาไก่ตัวนั้นก็อยู่วัดมีความสุข คอยขันบอกเวลาท่านอาจารย์ (ยังมีต่อ จบไว้แค่นี้ก่อน ไก่ตัวนี้น่ารักมาก)

ต่อมามีอีกวันหนึ่งที่ท่านอาจารย์ได้สร้างวิหารขึ้นมาอีกหนึ่งหลัง มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมา ทำวิหารขึ้นมาเป็นโครงแล้ว ก็ต้องจำเป็นต้องยกพระหยกขาวองค์ใหญ่เข้าก่อน เพราะจำเป็นต้องใช้รถเครนยกเข้า ในวันนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ท่านอาจารย์และพวกกระผมก็เข้ามัดองค์พระใช้ตัวมัดอย่างดี รถเครนเข้ามา และมีคนถ่ายภาพอยู่ทุกท่า แต่บางภาพก็พระประธานไม่มี ในภาพหายไปโดยไม่มีตัวตน บางภาพก็มี มันเป็นสิ่งประหลาดมากเลยครับคุณแม่ ในวันนั้นยกเข้าด้วยความปลอดภัยดีมากๆเลยครับ


(ตัวอย่างรูปที่ช่างแสวงกล่าวถึง)
Image

Image

Image

Image

Image


ต่อมาอีกวันหนึ่งไม่นาน มีหมาแม่และลูกตัวเล็กๆ พาลูกวิ่งเข้ามาในวัด มาวิ่งใกล้ๆวิหาร ถ้ามันพูดได้ มันจะพูดบอกว่าช่วยฉันด้วย ฉันเลี้ยงลูกไม่ไหว ฉันมีลูกหลายตัวขอฝากลูกด้วย เป็นตัวผู้สีน้ำตาลน่ารักมาก พอแม่ชีรุ่งเจอก็ให้ความสงสาร เลยบอกท่านอาจารย์ขอเลี้ยงไว้ในวัดเราเถิด ท่านอาจารย์ก็ได้แต่ยิ้มด้วยความเมตตาต่อสัตว์อยู่แล้ว ก็เลยพูดว่า เอาเถิดตามใจชีรุ่งก็แล้วกัน กระผมก็สันนิษฐานว่า หมาตัวนี้ ตั้งแต่ชาติก่อนคงเคยอยู่เฝ้าวัดมาก่อน(เป็นเรื่องบังเอิญ คงจะมีจริงๆ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ใช่ไหมคุณแม่)

ต่อมาอีกวันไม่ห่างกันนัก มีสิ่งประหลาดเกิดขึ้นมาอีก ห่างกันหนึ่งวัน มีหมาตัวหนึ่งเข้ามาในวัด ในวันนั้นเวลาแปดโมงเช้า พวกกระผมก็พากันลงทำงาน พอดีหมาตัวนั้นก็วิ่งมาหา มาประจบประแจงสบัดหางโยกไปมาทั้งตัว ถ้ามันพูดได้ มันจะพูดว่าช่วยฉันด้วย ฉันหลงทางมาขาดที่พึ่งจริงๆ มันร้องครวญครางด้วยความอยากอยู่ด้วย คนงานทุกคนบางคนก็บอกว่า ไล่มันไป เพราะมีคำสอนจากโบราณว่า ข้าวเหี้ยไม่ให้บง หมาหลงไม่ให้เลี้ยง
(ข้าวเหี้ย หมายถึง ต้นกล้าข้าวที่กลายพันธุ์หรือเป็นโรค ไม่ให้บง คือไม่ควรนำไปเพาะชำ* ผู้เขียน) มันเคยมีปัญหาทีหนึ่งคือ หมาที่ชื่ออ้ายมอม มันหลงมาอยู่วัด เป็นตัวแรกที่เข้าอยู่ที่วัด มันไล่กัดทุกคนที่เข้ามาในวัดถ้าเป็นแปลกหน้ามันทำเลย เคยสร้างปัญหาเลยพากันกลัว ต่อมาวันหนึ่งมันคงเหลิงตัวเองไป ถ้าเป็นภาษาบ้านเราจะบอกว่า เป็นคางคกขึ้นวอ ในนั้นจะมีเวลาให้อาหาร เขาถึงคราวของมัน อ้ายมอมกำลังกินข้าวที่แม่ชีรุ่งเคยให้อาหารทุกวัน พอดีท่านอาจารย์ก็เดินผ่านมา มันงับขาท่านอาจารย์ ฟันคมๆของมันทำให้อาจารย์มีแผลขึ้นมาทันที มันคงหวงกับข้าว ต่อมาอาจารย์ก็เลยไปฉีดยาที่โรงพยาบาลหลายเข็มหลายวันจนแผลหาย อาจารย์คงคิดไปด้วยจะทำอย่างไรกับอ้ายมอม อาจารย์มีใจเมตตาต่อสัตว์อยู่แล้ว ถ้าปล่อยไว้มันคงทำเรื่องไม่ดีอีกมาก ก็เลยตัดสินใจบอกให้เฮียแชร์ที่เป็นคนอุปถัมภ์วัดและเป็นพี่เขยอาจารย์ เอาไปปล่อยไกลๆให้หน่อย ไอ้มอมก็ได้ออกจากวัดไปไม่เห็นอีกเลย ย้อนมาถึงหมาขาวตัวที่หลงเข้ามา ไม่นานแม่ชีรู้เข้าก็บอกว่าไล่มันออกไป มันจะมาสร้างปัญหาในวัดอีก พวกผมทุกคนพากันไล่อยู่สองสามวันก็ไม่ยอมไป ต่อมาก็เลยมานั่งคิดปรึกษากันว่ามีใจเมตตาต่อมันสักหน่อย แต่ต่อมามันทำตัวดีจริงๆ มันนอบน้อมกับทุกคน ท่านอาจารย์ไปบิณฑบาตตอนเช้า มันจะนอนเฝ้ากุฏิอาจารย์ (คิดว่าหมาตัวนี้คงเคยผูกพันกับอาจารย์มาก่อน คุณแม่ครับ)

ทุกวันนี้คุณแม่คงอยู่สบายดีและคุณพ่อด้วย ขอให้คุณแม่ทั้งครอบครัวจงมีสุข แข็งแรงอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของครอบครัว ฝากความคิดถึงคุณผู้เขียนด้วย .................
(ข้อความตอนนี้ขออนุญาตตัดออกครับ เพราะนายช่างแสวงเขียนกล่าวถึงผมเป็นการส่วนตัว* ผู้เขียน) ชาติก่อนคุณแม่คงสร้างบุญมามากเลยประสบความสำเร็จในการงานทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ผมขอส่งความดีใจในครอบครัวของคุณแม่ ส่วนตัวผมเองถือว่าที่เกิดมาพบท่านอาจารย์วิชัยและคุณผู้เขียน เพราะผมเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน ตายไปสองชั่วโมง ตอนที่ขาดลมหายใจไปนั้น มีพระอาจารย์องค์หนึ่งมาชักชวนผมไปอยู่ด้วย ไปเถิดไปสร้างวัดด้วยกัน พอฟื้นขึ้นมาคิดหลาย ต่อมามีคนที่ร่วมงานด้วยกันมาบอกว่า มีพระอาจารย์องค์หนึ่งกำลังจะสร้างวัด ก็เลยพาเขาไปคารวะท่าน พอผมเจออาจารย์ก็เหมือนในความฝันจริงๆ และชักชวนให้ผมมาสร้างวัดด้วยกัน ผมก็เลยกลับบ้านไปบอกลูกน้อง หยุดงานทุกอย่างเอาไว้ก่อน ก็เลยเข้ามาทำงานในวัดจนถึงวันนี้ ทำด้วยใจรักจริงๆ

สุดท้ายนี้ ผมขออำนาจคุณแห่งคุณพระเจ้าพระธรรมพระสงฆ์ จงบันดาลให้ครอบครัวของคุณพ่อและคุณแม่ จงมีแต่ความสุขความเจริญ คิดสิ่งใดก็ให้สมความตั้งใจ โรคภัยไข้เจ็บก็ขออย่าได้มาเบียดเบียน

ด้วยความรักและนับถือเป็นอย่างสูง

ขอบคุณคุณแม่มากครับที่ให้เวลาอ่านของผมครับ
กระผมนายแสวง พลนวน
132 หมู่ 5 บ้านหญ้าคา ต.เมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น 40120

(ยังมีเรื่องราวมากมายที่เกิดในวัด กระผมจะเขียนมาบอกเล่าคุณแม่ใหม่)
1. เรื่องต้นโพธิ์ที่ตัดเข้าวัด
2. ไม้ประดู่ใหญ่ มีเจ้าของติดตามมาอยู่ด้วย นั่งห่มขาวให้ท่านอาจารย์เห็น

Re: จดหมายนายช่างแสวงเขียนถึงแม่ของผม

PostPosted: Mon May 23, 2011 5:11 pm
โดย ศิษย์พระอาจารย์
อนุโมทนาสาธุ กับ นายช่างแสวง พลนวน ในจิตกุศลที่ยิ่งใหญ่ในการสร้างวัดเจ้าค่ะ :lol:

Re: จดหมายนายช่างแสวงเขียนถึงแม่ของผม

PostPosted: Mon May 23, 2011 5:44 pm
โดย slungling
สาธุ อนุโมทนาค่ะ :D

Re: จดหมายนายช่างแสวงเขียนถึงแม่ของผม

PostPosted: Mon May 23, 2011 7:39 pm
โดย กัปตัน
:D :D :D ขออนุโมทนา สาธุครับ :D :D :D