ประวัติพระอาจารย์วิชัย กัมมสุทโธ

สถานปฏิบัติธรรมป่าวิเวกสิกขาราม ๕๕ หมู่๑๑ ต.เก่างิ้ว อ.พล จ.ขอนแก่น

๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๔

 

พระอาจารย์วิชัย กัมมสุทโธ

 

 

ชาติสกุล

นามเดิม ชื่อวิชัย ศิริผลหลาย เกิดวันจันทร์ที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ ตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๑๐. ปีชวด ณ. บ้านเลขที่ ๓๒ - ๓๔ถนนเฉลิมพล อ.พล จ.ขอนแก่น บิดาชื่อนายฮกจิ่ง แซ่หลาย มารดาชื่อนางเซี่ยมลั้ง แซ่ตัง เป็นบุตรคนที่๗ ในบรรดาพี่น้อง๑๓คน ซึ่งมีพี่ชายน้องชาย พี่สาว น้องสาว อย่างละ ๓ คน

การศึกษา

- ปี ๒๕๑๗ สำเร็จประถมศึกษา(ป.๗) ร.ร. พล อ.พล ได้ไปสอบเข้าร.ร. ขอนแก่นวิทยายนเองโดยผู้ปกครองไม่ได้เป็นภาระ เหตุที่ไปสอบเข้านั้นเพราะเป็นโรงเรียนรัฐบาล ค่าเล่าเรียนจะถูกกว่าโรงเรียนเอกชน ช่วยลดภาระค่าเล่าเรียนของครอบครัว ซึ่งช่วงนั้นมีปัญหา

- ปี ๒๕๒๐ สำเร็จมัธยมศึกษาตอนต้น ร.ร. ขอนแก่นวิทยายน อ.เมืองขอนแก่น ช่วงที่เรียนอยู่ ม.ศ.๓ เกิดความรู้และเชื่อมั่นว่า ถ้าเรียนม.ศ.๔-ม.ศ.๕ ที่ขอนแก่นต่อ จะได้เข้าคณะแพทยศาสตร์ขอนแก่น แต่ถ้าเรียนที่ร.ร.เตรียมอุดมฯ กรุงเทพฯ จะได้เข้าคณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ

- ปี ๒๕๒๒ สำเร็จมัธยมศึกษาตอนปลาย ร.ร. ขอนแก่นวิทยายน อ.เมืองขอนแก่น ก่อนสำเร็จม.ศ.๕ ปีนั้นโรงเรียนเริ่มทำหนังสือพิมพ์โรงเรียน อาตมาเป็นบรรณาธิการคนแรก มีอาจารย์บางท่านหวังดีมาเตือนว่า เดี๋ยวจะสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ไม่ได้ มันมีความเห็นว่าเขาไม่รับเราแล้วจะรับใคร เกิดความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าจะเข้าคณะแพทยศาสตร์ขอนแก่นได้แน่นอน มันเป็นเอง และเป็นพลังอย่างหนึ่ง แต่เมื่อเข้าไปเรียนคณะแพทย์แล้ว เพื่อนๆเก่งกว่าเราเยอะ มันไม่น่าคิดอย่างนั้น

- ปี ๒๕๒๙ สำเร็จปริญญาตรี แพทยศาสตร์บัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แพทย์ มข. รุ่น ๗

- ปี ๒๕๓๕ สำเร็จแพทย์เฉพาะทาง สาขาจักษุวิทยา จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

- ปี ๒๕๔๓ สอบได้นักธรรมเอก

 

ประวัติการทำงาน

รับราชการเป็นแพทย์ ประจำโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และรักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาล ก่อนลาออกมาอุปสมบท

 

มูลเหตุแห่งการอุปสมบท

เมื่อประมาณต้นเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ ขณะนั้นเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ ๒ ได้สอบเทอมปลายเสร็จ แล้วทางชมรมพุทธศาสน์และประเพณี สโมสรนักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดโครงการธรรมจาริกครั้งที่ ๒ ไปปฏิบัติธรรมที่ถ้ำศรีแก้ว อ.ภูพาน จ.สกลนคร ซึ่งมีท่านพระอาจารย์สุวัจน์ สุวโจ เป็นพระอาจารย์ผู้ฝึกสอน ท่านเป็นศิษย์พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ตอนนั้นอยากรู้ว่าสมาธิเป็นอย่างไร จึงได้สมัครไปปฏิบัติธรรมกับชมรมพุทธ ฯ โดยรุ่นพี่บอกต้องรักษาศีล๘ วัดฉันมื้อเดียว ถ้าเราจะฉันสองมื้อ ต้องเตรียมมาม่าไปเอง แต่ต้องฉันก่อนเที่ยง อาตมาไม่มีความรู้เรื่องศีล๘ ไม่เคยกินข้าวน้อยกว่า๓มื้อ ก็เอามาม่าไป แต่พอไปจริงการหาน้ำร้อนมาใส่มาม่าก็วุ่นวาย เพราะที่นั้นมีแต่เตาฟืนเขาทำครัวเฉพาะมื้อเช้า จึงกิน๒มื้อเฉพาะวันแรก วันต่อมาก็ยกมาม่าเข้าส่วนกลางกินมื้อเดียว ก็อยู่ได้ไม่เห็นเป็นอะไร(นี่ความคิดกับความจริงอาจไม่ตรงกัน) ไปอยู่ที่นี่แปลกจะตื่นตี๒ทุกวัน ไม่ว่าจะนอนสี่หรือห้าทุ่มก็ตาม คืนแรกอาตมาตื่นตี๒เกิดปรุงแต่งกลัวผี เพราะที่ภูพานเงียบมาก มีแต่เสียงสัตว์ที่หากินกลางคืน ก็เลยแก้ปัญหาโดยเอาผ้าห่มคลุมโปงหลับต่อ พอคืนที่๒ก็ตื่นตี๒เหมือนเดิม ก็คิดจะคลุมโปงอีก ทีนี้มันมาถามตนเองว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร มันก็ตอบว่า มาฝึกสมาธิ แล้วมันก็ถามอีก จะคลุมโปงอีกมันถูกหรือ มันเกิดความละอายแก่ใจมากที่จะคลุมโปงอีก จึงตัดสินใจนั่งสมาธิบริกรรมพุทโธๆๆ ทีนี้มันก็แว้บออกไปคิดเรื่องผีที่เคยดูในโทรทัศน์ ก็บอกว่ามันไม่เที่ยง นั่งไปๆๆถึงตี๔ประมาณ๒ชั่วโมง พอออกจากนั่งสมาธิ มันไม่มีความกลัวผีเลย จึงนั่งสมาธิเวลานี้ทุกวันจนกระทั่งกลับจากวัด ก่อนกลับจากวัดท่านพระอาจารย์สุวัจน์บอกว่ามีของเก่าให้ตั้งใจปฏิบัติ หลังจากกลับมาก็ได้ตั้งใจปฏิบัติจนครบ ๑ ปี เกิดความเชื่อมั่นว่าศาสนาพุทธมีอยู่จริง สามารถปฏิบัติได้จริง แก้ทุกข์ในใจเราได้ แน่ใจตนเองว่าจะไม่เปลี่ยนศาสนา มีศรัทธาอยากจะบวช แต่เมื่อพิจารณาเหตุปัจจัยหลายๆด้าน เห็นว่ายังไม่พร้อม จึงกราบเรียนหลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร ซึ่งโยมหมอสมาร์ทได้เคยพาไปรู้จักปฏิบัติกับท่าน ท่านบอกว่าให้กรรมตัดสิน จึงได้ปฏิบัติธรรมเจริญสติสัมปชัญญะมาตลอด จนกระทั่งสำเร็จแพทยศาสตร์บัณฑิต ได้ไปพักกับท่านพระอาจารย์สุวัจน์ สุวโจที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ได้ปรึกษาท่านว่าโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นโรงพยาบาลอำเภอขนาดใหญ่ แต่ตัวอำเภอเล็กมีประชากรน้อย เปิดคลินิกหารายได้พิเศษจะยาก แต่ปัจจัยเรื่องรายได้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ คิดว่าจะไปรับราชการที่นี่เพื่อแทนคุณครูบาอาจารย์ ท่านเห็นอย่างไร ท่านก็เห็นด้วย จึงสมัครไปทำงานที่โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เมื่อมีงานทำหารายได้ได้เอง ก็ตั้งใจแบ่งเงินเดือนส่วนหนึ่งทำบุญทุกเดือน หลังจากรับราชการใช้ทุนครบ ๓ ปี ตั้งใจว่าจะอยู่ช่วยโรงพยาบาลอีก๑ปีก็จะไปบวช แต่ก็มีเหตุให้เปลี่ยนความตั้งใจ จึงได้ไปอธิษฐานที่เจดีย์พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ว่าถ้าวิถีจะต้องเปลี่ยนก็ให้เขารับเข้าศึกษาต่อแพทย์เฉพาะทางสาขาจักษุวิทยา จุฬาฯ และเขาก็รับเข้าศึกษาต่อจริงๆ ขณะที่ศึกษาอยู่ที่จุฬาฯ สภาพแวดล้อมการงานเปลี่ยนไป จิตมันย้อนมาดูอดีตที่ตั้งใจจะอยู่ช่วยโรงพยาบาลอีก๑ปีนั้นมันเห็นมันติดดีอยู่ ช่วงที่อยู่ที่จุฬาฯก็ใช้สติสัมปชัญญะในงาน ตอนว่างจากงานก็พิจารณาอสุภะมาตลอด๓ปี ใช้อุบายต่างๆ(มันเป็นช่วงของมันเองมันมุ่งตลอด) แม้แต่เดินทางอยู่ในรถก็พิจารณา จนวันหนึ่งขณะกำลังนั่งรถจะไปหาพระอาจารย์สุวัจน์ สุวโจที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน มันเกิดสภาวธรรมช่วงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิบอกว่าหลงสัญญา เมื่อไปถึงได้เรียนถามท่านว่าถูกหรือไม่ ท่านบอกว่าถูก เมื่อสำเร็จการศึกษา ก็ได้กลับมารับราชการที่โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร อีกครั้ง การทำงานครั้งนี้ก็ทำเต็มที่เหมือนเดิมแต่มันไม่ยึด เพราะมันเห็นแล้ว จนกระทั่งช่วง ๒ ปีสุดท้ายของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ท่านได้มาพำนักที่ถ้ำขาม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ได้มีโอกาสดูแลหลวงปู่ท่าน ได้กราบเรียนหลวงปู่เรื่องการภาวนาว่า สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ได้อ่านหนังสือของหลวงปู่เรื่องศีล๕จับหลักคำสอนได้๓ประโยคคือ ศีลคือศิลา ศีลคือปกติ ศีลรักษาที่เจตนา ก็เอาสติสัมปชัญญะรักษาเจตนาไม่ให้ผิดโทษ๕อย่าง ทำไปแล้วเกิดสภาวธรรมอย่างนี้ๆ หลวงปู่บอกหมออ่านหนังสือของอาตมาได้เรื่อง คนส่วนใหญ่อ่านไม่ได้เรื่อง ในช่วง๒ปีนี้หลวงปู่ยังเมตตาสอนอีกหลายอย่าง ก่อนที่จะตัดสินใจอุปสมบท ได้พิจารณาเห็นว่ายศตำแหน่งเมื่ออายุ ๖๐ ปี ก็เกษียณไม่คงที่ เงินที่หาได้ก็มาเปลี่ยนเป็นอาหารแค่อิ่มมื้อเดียว ให้ญาติพี่น้อง เหลือเก็บเพื่อใช้ยามจำเป็น ทำบุญ(ทำทุกเดือนตั้งแต่เริ่มทำงานจนอุปสมบท ไม่เคยขาด แม้อุปสมบทแล้วปัจจัยทุกบาททุกสตางค์ที่ญาติโยมถวายก็ให้วัดถ้ำยายปริกหมด ไม่เคยเอาปัจจัยของญาติโยมไปใช้อย่างไม่มีประโยชน์ เพราะเห็นแล้วว่าเงินนั้นเป็นของกลาง ไม่ใช่ของเรา จึงเอาไว้ส่วนกลางหมด) ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ความรู้สึกไม่รู้จะเอาอะไร จึงตัดสินใจที่จะบวช (รอมา ๑๓ ปีถึงเวลากรรมตัดสิน) ได้กราบเรียนหลวงปู่เทสก์ ท่านก็เห็นด้วย และได้แนะนำ

๑. ให้พิจารณาความตายอะไรที่ยังไม่ทำให้รีบทำก่อนที่จะตาย

๒.ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง ให้เอาตนเองรอดก่อน

๓. ทำทางโลกมีแต่บาน(ปลาย) ยิ่งทำดียิ่งบานไม่มีที่สิ้นสุด ทางธรรม จบในตัวเราตั้งแต่นั้นมาหลวงปู่เทสก์ ท่านก็ไม่ได้แนะนำธรรมะอีกเลย มีแต่ถามว่าลาออกยัง ได้กราบเรียนท่านว่ารอผู้อำนวยการโรงพยาบาลมารับงาน จนกระทั่งท่านมรณภาพแล้ว จึงได้ลาออกจากราชการมาอุปสมบท

ช่วงงานศพหลวงปู่เทสก์ ท่านพระอาจารย์สุวัจน์ สุวโจกลับจากอเมริกา ได้มาที่ถ้ำขาม จึงกราบเรียนท่านว่าจะบวช ท่านบอกให้บวชไปอยู่กับท่าน แต่อาตมาได้รับปากกับหลวงพ่อประสิทธิ์ก่อนแล้ว จึงไม่ได้รับปากท่าน อาตมาไปตามวิถีแห่งกรรม เหตุนั้นเราต้องเชื่อกรรม สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ไม่มองทุกอย่างด้วยยินดียินร้ายหลงดีไม่ดี

การอุปสมบท

อุปสมบทเป็นพระภิกษุ (อายุได้ ๓๕ ปี) เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ ณ พัทธสีมา วัดเขาพุทธโคดม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พระครูสาธุกิจจานุรักษ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระดำรงค์ ฉินนเปโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระใบฎีกาวิชัย อาทโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากอุปสมบทแล้วอาตมาตั้งสัจจะมั่นคงจะไม่ไปไหน จะอยู่บำเพ็ญสมณธรรมกับหลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร ที่วัดถ้ำยายปริก อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี จนกว่าหลวงพ่อประสิทธิ์จะมรณภาพ แล้วจึงจะพิจารณาว่าธรรมะจะให้ไปอยู่ไหน จะไม่ไปด้วยตัณหา จะไปโดยวิถีกรรมและสภาวธรรมให้ไป การตั้งสัจจะนี้จะได้มั่นคงอยู่ศึกษากับท่าน จะได้ดูแลสุขภาพและช่วยกิจการทั้งหลาย เช่นทำหนังสือธรรมะ แก่นพระพุทธศาสนาเล่มแรกที่ท่านเทศน์ โดยถอดจากเทปตรงๆ ไม่มีการแก้ไขสำนวน โดยท่านบอกว่าให้ทำอย่างนี้ ท่านรับผิดชอบทั้งหมดที่อาตมาทำ และเรียบเรียงประวัติของท่านจากเทปเก่าๆที่บันทึกไว้ซึ่งคนอื่นจะทำได้ยาก เพราะเหตุว่าอาตมารู้จักหลวงพ่อก่อนพระชีรูปอื่นๆ ทำให้อาตมารู้ข้อมูลมากกว่าคนอื่น และในเทปนั้นบางครั้งเหตุการณ์สลับกันไปมา เมื่อไปถามท่านบางอย่างท่านก็จำไม่ได้ จึงต้องอาศัยการสอบทานจากเทปหลายๆม้วนหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องเมื่อทำเสร็จได้ไปอ่านให้ท่านฟังที่กุฏิ ซึ่งเป็นเล่มเดียวที่ท่านตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นต้น เพื่อเป็นการแทนคุณท่านด้วย สัจจะตรงนี้ทำให้อาตมาฟังหลวงพ่อสอนโดยตั้งใจ ฟังเอาประโยชน์ว่าท่านสอนอะไร ไม่มีความขัดเคืองใจไม่ว่าท่านจะพูดว่าอาตมาอย่างไร มีแต่พิจารณาว่าท่านจะบอกอะไรท่านจะสอนอะไร จะเอาไปแก้ไขตนเองอย่างไร จึงทำให้อาตมาอยู่ได้ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร ในช่วงปีสุดท้ายก่อนที่หลวงพ่อจะมรณภาพ ท่านได้นิมิตเกี่ยวกับอาตมา และบอกว่าอาตมาสายอีสาน หลวงพ่อมรณภาพวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ในปีนี้อาตมาได้จำพรรษาที่วัดถ้ำยายปริกอีกปี เพื่อดูว่ามีอะไรจะให้ช่วยทำเรื่องงานศพท่าน เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรต้องทำอีกแล้ว พอต้นเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้กลับมาบ้านเกิดโปรดโยมบิดามารดาซึ่งอายุมากแล้ว(๘๐กว่าปีทั้งคู่) เพื่อเป็นการทดแทนคุณบุพการี โยมบิดามารดาได้ถวายที่ดินจำนวน ๔๒ ไร่ ๓ งาน ๗๘ ตารางวา ให้สร้างที่พักสงฆ์ป่าวิเวกสิกขาราม ซึ่งที่ดินตรงนี้อาตมาได้นิมิตตั้งแต่ก่อนหลวงพ่อจะสิ้นไม่กี่เดือน ว่าอาตมาแตกหมู่มาองค์เดียว มาที่วัดเก่า ที่ไม่มีสิ่งก่อสร้าง มีแต่ตุ่มน้ำ๓ใบ อาตมากำลังจะสรงน้ำจากตุ่มนี้ (พรรษา๑๓ เริ่มก่อสร้างต้นมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑  ปัจจุบัน)และอยู่จำพรรษาที่นี่ตลอดมา

 

เผยแผ่ธรรมะที่ต่างๆ

๑๖มิ.ย. ๒๕๕๒ แสดงธรรมเรื่องธรรมะในชีวิตประจำวัน” ที่บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCG Chemicals)  จำกัด จ.ระยอง

๑๘ มิ.ย. ๒๕๕๒ แสดงธรรมที่รร.รัตนโกสินทร์สมโภช บางขุนเทียน กทม.

๑๘-๓๐ มิ.ย. ๒๕๕๒ แสดงธรรมเรื่อง ธรรมดา, วางใจเป็นกลาง, อวิชชาปกปิดความจริงของขันธ์ ๕ ที่เมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย

๑ ก.ค. ๒๕๕๒ แสดงธรรมเรื่องปฏิจจสมุปบาท ที่ บริษัท อินซีซั่นฟู้ดส์ จำกัด กทม.

๑๐ ก.ย. ๒๕๕๒ แสดงธรรมเรื่องเห็นเหตุปัจจัยไม่หลงสมมติที่ บริษัท บีที เวิลด์ลีส จำกัด กทม.

๑๘ เม.ย.-๒ พ.ค. ๒๕๕๓ แสดงธรรมเรื่อง การบวชภิกษุณี” ที่เมืองเพิร์ธ-นิวแมน ออสเตรเลีย

๔ พ.ค. ๒๕๕๓ แสดงธรรมเรื่องความมัวเมาในวัยในชีวิตที่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด จ.ระยอง และที่อื่นๆอีกหลายที่ เช่น บ.กีวี และคมคมโปรดักส์ จำกัด

๒๑ ต.ค. ๒๕๕๓ แสดงธรรมเรื่องไม่ประมาทในการเดินทาง ที่วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม อ.เมือง จ.มหาสารคาม เนื่องในวันพยาบาล

๒๒ ม.ค. ๒๕๕๔ แสดงธรรมเรื่องสังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ที่งานพระราชทานเพลิงศพนพ.สุภาชัย สาระจรัส วัดแจ้งเจริญดอน อ.เมือง จ. ชลบุรี

๑๖-๑๗ ก.พ. ๒๕๕๔ แสดงธรรมเรื่องมิจฉาทิฏฐิสัมมาทิฏฐิ และเรื่องเดินทางในทะเลวัฏสงสาร ที่ร.พ.กรุงเทพราชสีมา ครั้งที่ ๑ จ.นครราชสีมา

๘ มี.ค.๒๕๕๔ แสดงธรรมเรื่องทางเดินออกจากตาข่ายมาร ที่วัดถ้ำยายปริก เกาะสีชัง

๙ มี.ค.๒๕๕๔ แสดงธรรมเรื่องกตัญญูกตเวทิตาคุณ ที่บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCG Chemicals) จำกัด จ.ระยอง

๒๘ เม.ย.๒๕๕๔ แสดงธรรมเรื่องกำเนิดมนุษย์ ที่ร.พ.กรุงเทพราชสีมา ครั้งที่๒ จ.นครราชสีมา

๕ พ.ค.๒๕๕๔ แสดงธรรมเรื่องสัมมาทิฏฐิ ที่บ้านบุญ จ.ขอนแก่น

 

หนังสือธรรมเทศนา

๑.ชื่อหนังสือ-ธรรมเทศนาเล่มแรก พิมพ์ครั้งที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ จำนวน ๒๕๐๐ เล่ม พิมพ์ครั้งที่๒ มิถุนายน ๒๕๕๓ จำนวน ๒๕๐๐ เล่ม ที่บริษัท สินคูณการพิมพ์ จำกัด โดยคุณออย และคณะศรัทธาญาติโยมทั้งหลาย, กลุ่มฉันท์ธรรม

๒.ชื่อหนังสือ-ธรรมเทศนาเล่มสอง มี ๖ บท กำลังดำเนินการจัดพิมพ์ โดยคุณออย และคณะศรัทธาญาติโยมทั้งหลาย

๓.ชื่อหนังสือ-ตัณหาทิฏฐิมานะทำให้เนิ่นช้า กำลังดำเนินการจัดพิมพ์ โดยพระกิติเมธ และคณะศรัทธาญาติโยมทั้งหลาย

 

การเกิดเป็นมนุษย์ได้มนุษย์สมบัติเป็นของหาได้ยาก(กิจโฉ มนุสสะปะฏิลาโภ )

การได้มาพบพระสัทธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าก็หาได้ยาก

(กิจฉัง สัทธัมมัสสะวะนัง)

เมื่อไฟจะไหม้บ้าน(ลมดับ)ให้รีบขนสมบัติออกจากบ้าน

(เปลี่ยนสมบัติทั้งหมดเป็นอริยทรัพย์ คือทาน ศีล ภาวนานั่นเอง)

ไม่นั้นจะไม่ได้อะไรเลยจากการเกิดเป็นมนุษย์ แม้แต่มนุษย์สมบัติ

เมื่อลมดับก็ต้องทิ้งลงปฐพี เหตุนั้นจงอย่าประมาทและทิ้งโอกาสที่ได้สิ่งที่หาได้ยาก

เหมือนน้ำขึ้นให้รีบตัก ถ้าน้ำลงแล้วจะลำบาก